หลักการนับแต้มของกรรมการระดับโลก

 

karate

กีฬาคาราเต้ถือได้ว่าเป็นกีฬาอีกประเภทที่มีคนนิยมเล่นก็ไม่น้อยเหมือนกัน เป็นกีฬาที่ต้องใช้ศิลปะในการต่อสู้เพื่อเป็นฝ่ายชนะให้ได้ ความสนุกสนานของการเล่นคาราเต้จึงอยู่ที่ยุทธวิธีในการต่อสู้ของผู้เข้าแข่งขันว่าจะสามารถเอากระบวนท่าทางคาราเต้รูปแบบใดมาเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ซึ่งตรงจุดนี้มันก็อยู่ที่การตัดสินของกรรมการด้วยเช่นเดียวกัน กรรมการจึงถือว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญไม่น้อยในการแข่งขันกีฬาประเภทนี้

หลักการนับแต้มของกรรมการคาราเต้ระดับโลก

สิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อนก็คือในการแข่งขันคาราเต้ทั่วไปจะมีการแบ่งกรรมการออกดังนี้

  • กรรมการที่เป็นผู้ตัดสินจะอยู่ตรงพื้นที่สนามของการแข่งขัน
  • กรรมการให้คะแนนมี 4 คน นั่งอยู่มุมสนามทั้ง 4 ด้าน
  • กรรมการชี้ขาดนั่งอยู่ด้านข้างของสนามเช่นเดียวกับกรรมการรักษาเวลา และกรรมการผู้ทำหน้าที่บันทึกคะแนน

โดยกรรมการแต่ละคนก็จะมีหน้าที่ของตัวเองแตกต่างกันออกไป อย่างกรรมการผู้ตัดสินทำหน้าที่ควบคุมการแข่งขัน ให้คะแนน เตือน แจ้งผู้ทำผิดกติกา หรือต่อเวลาการแข่งขัน กรรมการให้คะแนนจะมีธงขาวกับแดงและนกหวีด เป็นการให้สัญญาณหากมีผู้ได้-เสียคะแนน กรรมการชี้ขาดจะมีหน้าที่ตัดสินด้านการให้คะแนน ควบคุมการทำงานของกรรมการบันทึกคะแนนและกรรมการรักษาเวลาอีกที

โดยหลักการนับแต้มของกรรมการทั่วไปก็จะทำการให้คะแนนสำหรับผู้ที่มีเทคนิคในการเล่นถูกต้อง สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ การเข้าปะทะต้องไม่รุนแรงเกินเหตุ บริเวณใบหน้ากับศีรษะเป็นบริเวณที่ห้ามปะทะหนักๆ ผู้เล่นจะได้คะแนนเมื่อการโจมตีถูกเป้าหมายหรือห่างจากเป้าไม่เกิน 2 นิ้ว

การให้คะแนนเต็ม

จะให้สำหรับผู้เล่นที่จู่โจมได้ดีและถูกต้อง แต่ไม่รุนแรงเกินเหตุ วิธีการโจมตีสามารถเป็นได้ทั้งการต่อยแบบกำหมัด, การตี, การตบ หรือการเตะก็ได้ ทั้งหมดจะมีค่า 1 คะแนน ซึ่งจะได้คะแนนต่อเมื่อ โจมตีขณะคู่ต่อสู้เคลื่อนที่, คู่ต่อสู้เสียจังหวะ, ผสมการต่อสู้, คู่ต่อสู้สู้แบบไม่สมศักดิ์ศรี, คู่ต่อสู้ไม่สามารถป้องกันได้

การไม่ได้คะแนนเต็ม

จะไม่ได้ต่อเมื่อไม่สามารถโจมตีขณะจับหรือทุ่มคู่ต่อสู้ได้ หรือในกรณีปะทะแบบเดียวกัน, สัญญาณหมดเวลาดัง, มีใครคนหนึ่งอยู่นอกพื้นที่การแข่งขัน

การให้คะแนนเกือบเต็ม

คือการให้คะแนนที่กรรมการจะให้เมื่อเห็นว่าจู่โจมคู่ต่อสู้ได้แต่ยังไม่หนักแน่นมากพอ อาทิ คู่ต่อสู้หลบได้ในการโจมตีจากเป้าหลัก, โจมตีผิดพลาดเป้าหมาย, โจมตีขณะเสียการทรงตัว เป็นต้น ซึ่งการโจมตีแบบนี้กรรมการก็จะใช้การพิจารณาเป็นกรณีไปขึ้นอยู่กับจังหวะของการแข่งขัน